FIC101 [DONGHO x KWANLIN] : Cold-heart Prince EP 1




COLD - HEART PRINCE





DONGHO x KWANLIN
by @foreversweet007





INTRO



เช้าวันจันทร์ที่แสนสดใส   
แต่อาจจะเป็นวันที่เหล่านักเรียนมัธยมปลายหลายคนเกลียดชัง 
เสียงกริ่งที่ดังสนั่นไปทั่วทั้งโรงเรียนทำเอาเหล่าคนหนุ่มสาวร้องโอดครวญ  
ความคิดที่ไม่อยากไปโรงเรียนนั้นมันเกิดขึ้นบ่อยจนไม่ใช่เรื่องแปลก  
ไล ควานลิน นักเรียนมัธยมปลายปีแรกกำลังเดินเข้าไปในโรงเรียนอย่างกล้าๆกลัวๆ 
ไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะถูกอาจารย์กล่าวตักเตือนเนื่องจากมาสาย  
แต่สาเหตุของความกลัวนั้นมาจากแฟนเก่าเสียนี่สิ 




"อรุณสวัสดิ์ครับที่รัก" ยังไม่ทันที่จะก้าวเข้าโรงเรียน  
เสียงทักทายยามเช้าก็ดังขึ้นพร้อมกับมือหนักๆที่ถือโอกาสโอบกอดตัวเขาไว้จากด้านหลัง   
ไม่ต้องหันไปดูก็รู้ว่าคนๆนี้เป็นใคร แน่นอนเขาคือ คัง ดงโฮ  
อดีตแฟนหนุ่มสุดฮอตของเขานั่นเอง  






"ปล่อย"  
คำสั่งที่ออกมาจากร่างบางนั้นไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายสะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย  
เขายังคงกอดแน่นขึ้น พลางยื่นหน้าเข้าใกล้เพื่อสูดดมความหอมจากคนตัวเล็ก 
"เฮ้ย ดงโฮ" แต่เมื่อมีบุคคลที่สามปรากฎตัวขึ้นร่างหนาก็ปล่อยมือออกทันที ทั้งยังทักตอบราวกับอีกฝ่ายไม่มีตัวตน  




"อยู่กับแฟนอ่อมึง" 

"ก็แค่แฟนเก่า" คำตอบที่ออกมาจากคัง ดงโฮ นั้นทำเอาควานลินถึงกับจุก ถึงแม้มันจะเป็นความจริงก็ตามที  
ร่างหนาเดินจากไปพร้อมกับเพื่อนทิ้งให้ร่างบางยืนอยู่คนเดียว  
ไม่แม้แต่จะบอกลา ไม่แม้แต่จะชายตามอง ทำเหมือนร่างบางไม่มีตัวตน   

เขาต้องใช้ชีวิตแบบนี้มาเกือบจะเทอมนึงแล้วตั้งแต่เลิกกับอีกฝ่าย
บ่อยครั้งที่โดนกลั่นแกล้งจนทำให้ต้องเสียน้ำตา  
ในใจก็มีแต่คำถามว่าอีกฝ่ายทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรกัน  
  





"ถ้าไม่รักกันแล้ว จะมายุ่งเกี่ยวกันอีกทำไม พี่ดงโฮ"  





EP 1  





 3 ปีก่อน  





"คังคอร์ป" บริษัทที่ทำธุรกิจบ่อนคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย  เป็นผู้ลงทุนที่มีอำนาจเป็นอันดับต้นๆของโลกในธุรกิจบ่อนการพนันถูกกฏหมาย ทั้งยังมีอิทธิพลทางด้านการเมืองของประเทศ  





แน่นอนว่าในการเลี้ยงดูทายาทรุ่นต่อไปนั้นก็ย่อมต้องเข้มงวดให้สมกับเป็นผู้ที่ต้องมาสืบทอดความมั่งคั่งต่อตระกูลต่อไป "คัง ดงโฮ" ลูกชายคนเดียวของตระกูลนั้นได้เติบโตในต่างประเทศ เขาใช้ชีวิตโดยปราศจากพ่อแม่มาตั้งแต่เล็ก เงินทองและอำนาจนั้นบางทีก็ต้องแลกกับอะไรหลายๆอย่าง แน่นอนพ่อแม่ของเขาไม่เคยมีคำว่า เวลา มีเพียงบริวารเท่านั้นที่คอยเลี้ยงดูเขามาอย่างเข้มงวด ทั้งยังต้องย้ายที่อยู่บ่อยๆเพราะเรื่องความปลอดภัย ธุรกิจที่ครอบครัวทำอยู่นั้นทำให้เกิดปมแค้นทางธุรกิจมากมายนำมาสู่ความไม่ปลอดภัยในชีวิต  





เขาเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่เหมือนจะหรูหราแต่ก็เต็มไปด้วยอันตรายอยู่เสมอ แทนที่เขาจะกลายเป็นคนไม่ไว้ใจใคร ทั้งๆที่จิต ใจก็ถูกฝึกให้เข้มแข็งเกินเด็กตั้งแต่เล็ก แต่เขากลับเป็นคนที่อ่อนโยนมาก เขาเป็นห่วงบรรดาผู้ติดตามอยู่เสมอ ถึงแม้ในใจจะต่อต้านครอบครัวอยู่บ้าง แต่เขาก็เข้าใจเพราะเขารู้ว่าเขามีหน้าที่ที่ต้องทำต่อไปในอนาคต  






ในวัย 15 ปี เขาได้ถูกเรียกตัวให้กลับมาเรียนที่เกาหลีตามคำสั่งของพ่อ แต่เขาขอไปอยู่ส่วนตัว แทนที่จะอยู่รวมกับบรรดาญาติมิตรคนอื่น เนื่องจากเขาไม่ได้รู้จักคุ้นเคยกับคนพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย 






ภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ที่เงียบสงัดราวกับไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่  เฟอร์นิเจอร์รวมถึงเครื่องใช้หรูหราที่ถูกประดับอยู่ทั่วทุกมุมนั้นไม่ได้ทำให้คฤหาสน์หลังนี้ดูมีชีวิตขึ้นมาแต่อย่างใด ความกว้างใหญ่ของที่แห่งนี้นั้นไม่เหมาะกับการใช้ชีวิตอยู่คนเดียวเลยแม้แต่น้อยแม้จะมีผู้ติดตามจำนวนหนึ่งก็ตามที  






"คุณดงโฮครับ จะไม่ออกไปข้างนอกหน่อยหรอครับ " 







รถคันหรูถูกขับออกจากคฤหาสน์หลังจากที่นายน้อยของตระกูลเข้ามาอยู่ได้ไม่กี่ วัน ดงโฮมองออกไปนอกหน้าต่างเพื่อสังเกตุสภาพแวดล้อมที่เขาไม่คุ้นชิน รถเคลื่อนตัวไปยังสถานที่ต่างๆในโซล เป็นเพราะดงโฮเป็นคนที่ชอบสังเกตุสิ่งต่างๆรอบตัว เขาจึงขอให้คนขับรถขับออกไปในหลายๆที่ รวมทั้งสถานที่ที่ไกลออกจากเมืองโดยไม่ได้สังเกตุสภาพอากาศที่ฝนกำลังจะตกเลยแม้แต่น้อย  






เมื่อขับมาประมาณชั่วโมงนึงฝนก็เริ่มลงเม็ด จากตอนแรกที่ตกปรอยๆกลายเป็นตกเหมือนพายุเข้า จึงต้องรีบหาที่กลับรถเพื่อที่จะกลับเข้าไปในเมือง แต่ไม่นานจู่ๆมีเสียงปืนดังขึ้นพร้อมกับรถอีกคันที่วิ่งตามมาด้วยความเร็ว รถคันนี้ตามยิงประกบรถของเขา จนรถนั้นเสียการควบคุมทันทีเนื่องจากคนขับรถถูกยิงจนได้รับบาดเจ็บ  







เพราะเพิ่งมาอยู่ได้ไม่นานและไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น จึงไม่มีใครได้ระวังความปลอดภัยของทายาทอย่างัง ดงโฮเลยแม้แต่น้อย แต่ถึงอย่างนั้นคนขับรถก็ยังสามารถหยิบปืนออกมายิงสวนกลับทั้งๆที่ตัวเองบาดเจ็บ อีกทั้งฝ่ายนั้นยังมากันสองคนโดยอาวุธครบมือ แน่นอนว่าเก่งให้ตายยังไงก็สู้ไม่ได้แน่  






"คุณดงโฮครับ หนีไป !" 






ัง !  







"คุณดงโฮ!" ในสถานการณ์ที่ชุลมุน ในจังหวะที่คนขับรถกำลังดวนปืน มือปืนอีกคนของอีกฝ่ายก็เล็งเป้าหมายมาที่ดงโฮพร้อมกับยิงเข้าที่หัวไหล่ด้านซ้ายอย่างจังจนเขาเสียการทรงตัวไปชั่วขณะ แต่ก็สามารถลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีอย่างทุลักทุเลออกมาทันที  







ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายที่ฝนตก ตอนนี้ทัศนียภาพนั้นแทบจะมองอะไรไม่เห็น มันก็ดีที่พวกมือปืนกเล็งปืนมาให้โดนจังๆไม่สะดวกนัก แต่มันก็ไม่ดีกับเขาอีกเช่นกันเพราะเขาก็มองเห็นไม่ชัด ทำได้เพียงหนีออกจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด 






"อึก"  





ดีที่คนขับรถนั้นมีฝืมือไม่แพ้คนพวกนั้น จึงสามารถป้องกันดงโฮจากอีกฝ่ายซึ่งมีสองคนได้ ดงโฮได้วิ่งหนีออกมาเพราะก็ไม่รู้ว่าคนขับรถของเขาจะฝืนทนสู้กับคนพวกนั้นได้อีกนานแค่ไหน แน่นอนว่าเขานั้นเป็นห่วงผู้ติดตามอย่างคนขับรถมาก แต่มันช่วยไม่ได้เลยที่ต้องหนี มีคนต้องบาดเจ็บและตายเพราะต้องคอยปกป้องเขา เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่เสียใจ แต่เขารู้ดีว่าเขามีหน้าที่ที่ต้องทำอีกในอนาคต ต้องข้ามผ่าน ต้องเอาชนะความรู้สึกแย่ๆของตัวเองให้ได้  







เหมือนโชคเข้าข้าง ไม่นานเขาก็เจอย่านชุมชนแออัด หากแต่มันเงียบมากเนื่องจากเป็นเขตนอกเมืองและค่อนข้างห่างไกลความเจริญ กลุ่มคนร้ายคนหนึ่งก็กำลังวิ่งตามมา เขาได้แต่วิ่งพร้อมภาวนาให้คนขับรถปลอดภัย  





แน่นอนว่าบอกให้ใครช่วยไม่ได้แน่ ไม่มีใครสามารถปกป้องเขาได้แน่นอน อีกฝ่ายเป็นมือปืนอาชีพที่ฝึกฝนมาอย่างดี หนำซ้ำดีไม่ดีอาจจะมีชาวบ้านแถวนี้กลายเป็นลูกหลง มีทางเดียวคือ ซ่อนตัว เท่านั้น  





ไม่รอช้า เมื่อเห็นประตูบ้านหลังหนึ่งเปิดอ้าเอาไว้เขาก็เข้าไปทันที เมื่อสำรวจคร่าวๆแล้วว่าไม่มีใครอยู่ เขาถอดรองเท้าทิ้งในถังขยะแถวๆนั้น แล้วรีบเช็ดเท้าที่เปียกฝนอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้มีรอยเท้าเหลือไว้ ก่อนจะวิ่งกลับไปในบ้านหลังนั้น แล้วซ่อนในห้องที่อยู่ด้านในสุดของบ้านติดกับประตูทางออกด้านหลังเพราะ ถ้าพวกนั้นหาเจออย่างน้อยก็ยังมีทางให้หนีต่อไป  





ไม่นานนักเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนเข้ามาในบ้าน ในใจก็คิดว่าคงไม่ใช่คนพวกนั้นเป็นแน่เพราะเสียงฝีเท้าแต่ละก้าวนั้น ดูเหมือนจะถอดร้องเท้าเดินเข้ามาในบ้าน แน่นอนว่าคนพวกนั้นมันคงไม่ทำแบบนั้น รองเท้าที่พวกมันใส่นั้นถอดยาก แถมคนที่กำลังใจร้อนอยากฆ่าคนคงไม่มีเวลามาถอดรองเท้า เท่าที่ดูคงจะเป็นเจ้าของบ้านเสียมากกว่า 







หมับ  !






เมื่อประตูห้องถูกเปิดออก ดงโฮรีบเข้าไปรวบตัวคนที่เข้ามาทันที เขาเอามือปิดปากอีกฝ่ายไว้แน่น ไม่ทันให้อีกฝ่ายได้ถามอะไร แน่นอนว่าอีกฝ่ายตกใจมาก ไม่ว่าใครก็ต้องตกใจทั้งนั้นที่มีคนแปลกหน้าเข้ามาอยู่ในบ้านของตัวเอง  






"อื้ือ !"






"อยู่นิ่งๆ อย่าส่งเสียง" 






ในมุมห้องนั้นมีเพียงเสียงลมหายใจของคนสองคน มันเงียบจนคนที่โดนปิดปากอยู่ได้ยินเสียงหัวใจเต้นรัวของชายแปลกหน้าที่เข้ามาในบ้านของตน ร่างกายที่แนบสนิทจนเกือบจะกลายเป็นคนเดียวกันนั้นทำให้สัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นของเสื้อผ้า รวมทั้งเสียงลมหายใจและเสียงหัวใจเต้นได้ยินอย่างชัดเจน







เมื่อเวลาผ่านไปทุกอย่างก็ยังคงตกอยู่ในความเงียบ ดงโฮยังคงระแวดระวังความปลอดภัยของตัวเอง สักพักเมื่อแน่ใจว่าพวกนั้นคงไม่ตามมาเจอแล้ว เขาจึงปล่อยตัวอีกฝ่ายให้พ้นจากการกอบกุม  







"นายเป็นใคร ห-เห้ย นายบาดเจ็บนี่"   เมื่อดงโฮได้เห็นหน้าของอีกฝ่ายชัดๆก็เห็นว่ายังคงเป็นแค่เด็กเท่านั้นไม่ได้อันตรายอย่างที่เขาคิด คน ตัวเล็กตะโกนลั่นทันทีเมื่อหลุดพ้นพันธนาการ แต่ทันใดนั้นก็ต้องตกใจที่เห็นคนแปลกหน้าเป็นวัยรุ่นทั้งที่หัวไหล่ยังชุ่ม ไปด้วยเลือด ดงโฮรีบถอดเสื้อที่เปียกโชกไปด้วยน้ำฝนออกเพราะทนความหนาวไม่ไหว อีกฝ่ายเหมือนจะตกใจเล็กน้อยแต่ก็พอเข้าใจสถานการณ์จึงไม่ได้พูดอะไร  






"น-นายถูกยิงหรอ" อีกฝ่ายต้องตกใจอย่างมากเมื่อเห็นว่าคนแปลกหน้าที่แอบเข้ามาในบ้านถูกยิงมา  







"ฉันจะไปตามคนมาช่วย" ทันทีที่พูดจบคนตัวเล็กก็ทำท่าจะวิ่งออกไปจากห้องแต่ก็ต้องถูกห้ามโดยคนเจ็บ ตอนนี้ดงโฮไม่มีเเรงที่จะวิ่งไปห้ามหรือทำอะไรทั้งนั้น ไหล่ข้างที่โดนยิงนั้นมีเลือดออกมากแต่ก็ยังอยู่ในสภาพที่เขาทนไหว  







"ไม่ต้อง"






"ต- แต่นาย"






"ขอร้อง อย่าเรียกใครมา" ถึงอีกฝ่ายจะไม่เห็นด้วยกับเขาแต่ีกฝ่ายเชื่อฟังคำพูดของเขาอย่างดี ดงโฮล้มตัวลงนั่งกับพื้นห้องพร้อมกับร้องโอดครวญเพราะความเจ็บ คนตัวเล็กรีบเดินไปยังตู้เก็บของแล้วหยิบกรรไกรกับอุปกรณ์ปฐมพยาบาลออกมา จากนั้นก็ดินเข้ามาหาพร้อมกับนั่งลงตรงหน้าเขา  







"ไม่กลัวฉันหรอ"  ดงโฮพูดขึ้นพลางมองอีกฝ่าย เขารู้สึกประหลาดใจเพราะถ้าเป็นเด็กคนอื่นก็คงต้องเรียกคนอื่นมาช่วย ไม่ก็ตกใจกลัวจนจะทำร้ายคนแปลกหน้าที่เข้ามาในบ้านตัวเอง คงไม่มีใครกล้าจะมาช่วยแบบคนๆนี้ 







"ก็กลัว แต่นายเป็นเด็ก" อีกฝ่ายพูดขึ้นพร้อมกับทำแผลให้เขา ถึงจะเป็นเด็กแต่ดูเหมือนทักษะในการทำแผลของเขานั้นดีมาก ราวกับคนที่ต้องทำอยู่เป็นประจำ 






"ว่าแต่นายยังเด็กอยู่เลย ทำไมถึงถูกยิง" อีกฝ่ายเอ่ยถาม  






"นั่นสิ ทำไมนะ" เขาเลี่ยงที่จะตอบ ไม่ใช่ว่าอยากกวนประสาทแต่เป็นเพราะตอบไม่ได้เนี่ยสิ เด็กแบบอีกฝ่ายคงนึกไม่ถึงว่าโลกที่เขาอยู่นั้นมันไม่เหมือนโลกของคนทั่วไป 






"นายต้องไปแจ้งตำรวจนะ หรือ จะให้ฉันพาไปแจ้ง" 






"ไม่จำเป็นหรอก เรื่องนี้ฉันจัดการเองได้" เขาตอบ 






"ต-แต่" 






"เออ อีกอย่างนะ ฉันแก่กว่านาย พูดจาให้มันเพราะๆหน่อย นะครับ" ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะขัด ดงโฮก็เปลี่ยนประเด็นทันทีเพื่อเลี่ยงประโยคสนทนาเกี่ยวกับสิ่งที่อีกฝ่ายอยากจะพูด 





"รู้ได้ไง ฉันอาจจะแก่กว่าก็ได้" อีกฝ่ายถามอย่างหาเรื่อง ใบหน้าก็ทำเป็นบึ้งตึงแต่มันกลับดูน่ารักในสายตาดงโฮ 





"พี่รู้ละกัน :)





                               






                               EP 2






KWANLIN PART  







ซ่า ซ่า 





เสียงเม็ดฝนที่ตกลงมาจากท้องฟ้าดังกระทบไปทั่วทัศนียภาพสุดสายตาที่ผมกำลังมองอยู่ ตอนนี้เป็นฤดูฝน ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ได้พกร่มมาอยู่ดีเนื่องจากดูพยากรณ์ตอนเช้าแล้วมีท่าทีว่าฝนจะไม่ตกมาในตอนเย็น อีกอย่างตอนเช้าก็ตกไปแล้ว ไม่คิดว่าตอนเย็นจะตกอีกรอบ 






ตอนนี้เป็นเวลาเลิกเรียน ร่มก็ไม่ได้พก บบนี้ไม่ให้หงุดหงิดได้ยังไงกัน    





  
เวลาเลิกเรียน นักเรียนต่างพากันออกจากตึกเรียนเพื่อกลับบ้าน  มีแต่ผมที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม ผมกะว่าจะรอจนกว่าฝนจะหยุดตกแล้วค่อยกลับะได้ไม่ต้องเปียก แต่ผมคิดผิดถนัด ิ่งเวลาผ่านไปนานฝนก็ยิ่งตกหนักขึ้น และ ดูเหมือนว่าคงจะไม่หยุดตกง่ายๆ  






"จำได้มั้ย วันที่เราเจอกันครั้งแรก ฝนก็ตกแบบนี้" ไม่ทันที่จะคิดว่าจะกลับบ้านยังไง คนที่ผมไม่อยากเจอมากที่สุดก็ปรากฎตัวขึ้น ทั้งยังเอามือโอบเอวผม






แต่ยังดีที่ไหวตัวทันเลยรีบสะบัดมือเขาออก "คังดงโฮ" ผู้ชายคนที่ผมไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกยังไงกับเขา
ในหัวของผมมีแต่ความไม่เข้าใจ แต่ถ้าดูจากการกระทำของเขาไม่นานมานี้ก็ทำให้รู้ว่าเขาคงเกลียดผมอย่างแน่นอน   







สิ่งที่เขาพูด ทำให้ผมก็นึกถึงความทรงจำเเรกที่ผมได้เจอกับเขา ตลอดมาผมคิดว่ามันช่างโชคดีที่ได้เจอกับคนๆนี้ แต่ทำไมกัน ทำไมอยู่ๆ เขาก็เปลี่ยนไป ทั้งนิสัย วิธีการพูด การกลั่นแกล้งสารพัดที่ผมโดนนั้นผมไม่รู้เลยว่าผมผิดอะไรจนต้องเปลี่ยน ตัวเองให้เข้มแข็ง ไม่อยากร้องไห้ต่อหน้าคนๆนี้อีกแล้ว   







"ต้องการอะไร" ผมถามอย่างหัวเสีย







"อย่าใจร้ายใส่กันสิ เรื่องของเราทั้งนั้น" น้ำเสียงที่จงใจเสแสร้งของเขานั้นทำให้ผมจุก เมื่อก่อนมันเคยดีกว่านี้มากแท้ๆ ทำไมกัน ทั้งๆที่เขาก็เคยขอร้องอ้อนวอนว่าอย่าทำตัวเย็นชา อย่าปฏิบัติกับเขาเหมือนไม่ได้รักกัน แต่อีกฝ่ายก็ยังคงทำมันต่อไปเรื่อยๆไม่มีท่าทีว่าจะหยุด  








"วันนี้ผมรีบกลับ ไม่มีเวลาคุย"  







หมับ !  






ยังไม่ทันที่ผมจะก้าวออกไปจากบริเวณที่ยืนอยู่ เขาก็รวบตัวผมเอาไว้ให้ประชันหน้ากับเขา  






"เดี๋ยวนี้กล้าต่อปากต่อคำหรอ"  







"พี่หยุดทำแบบนี้สักที" ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง





. .  คนๆนี้ไม่ใช่ พี่ดงโฮคนเดิมของเขา  






"ทำไม ไม่ชอบหรอ"






"ใช่ ไม่ชอบ เราไม่จำเป็นต้องคุยกันอีก" ผมพยายามสะบัดตัวให้ออกจากพันธนาการจนหลุด ผมไม่มีทางเลือกนอกจากวิ่งตากฝน ตอนนี้ทำยังไงก็ได้ให้ออกห่างจากคนๆนี้ แต่ความคิดที่ว่าเขาคงไม่ตามมานั้น ผิดถนัด เขาวิ่งตามมา ก่อนที่จะกระชากตัวผมจนหน้าพวกเราห่างกันไม่ถึงคืบ อยู่ๆความทรงจำครั้งแรกที่เราเจอกันก็วิ่งเข้ามาในหัวของผม  






ผมรักผู้ชายคนนี้มาก  






ความจริงที่ผมรู้ตัวเสมอมา ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี ผมก็รักเขา ผมอยากจะถามเขาว่าทั้งหมดที่ผ่านมาตั้งแต่ที่เราเจอกัน ได้รู้จักกัน ได้หัวเราะแล้วก็ร้องไห้ด้วยกัน สิ่งเหล่านั้นเขาทำมันอย่างจริงใจใช่มั้ย ทั้งๆที่คิดว่าพวกเรารักกัน แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นเขาที่คิดไปเองฝ่ายเดียว  





"ว๊า เสียใจนะเนี่ย ที่นายพูดแบบนี้ แต่พี่อยากคุยกับควานลินนะ" เขายิ้ม แต่นั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกแย่ 






"พ่เกลียดผมอะไรนักหนา" ผมถาม  

  



"นั่นดิ ทำไมเนอะ ทั้งๆที่เราเคยรักกันจะตาย"  





"พี่จะทำอะไร" หลังจากที่เขาพูดจบ ไม่นานอยู่ๆเขา ก็โน้มใบหน้าเข้ามาใกล้จนจมูกของเขาแนบกับบริเวณต้นคอของผม ผมตกใจจนสะดุ้งแต่เขาก็ล็อคคอของผมเอาไว้ก่อนจะเริ่มทำสิ่งที่ผมไม่คาดคิดมากขึ้นเรื่อยๆ 






"ทำสิ่งที่อยากทำ"  






"นี่ หยุดนะ คัง ดงโฮ"  






เขาใช้มือปลดกระดุมเสื้อผมออก ผมพยายามผละออกไม่ให้เขาทำไปมากกว่านี้ แต่ก็สู้แรงของเขาไม่ได้เลย การกระทำของเขาเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆจนผมกลัว เขาพยายามจะแกะกระดุมของผมออกให้หมด ผมไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรแต่ตอนนี้ความรู้สึกเสียใจกับผิดหวังมันถาโถมเข้ามา ไม่ว่าเขาจะทำอะไร แต่ตอนนี้มันเป็นที่สาธารณะ เขาทำแบบนี้ได้ยังไง  . . .





  
"ฮึก นี่ไม่ใช่พี่ดงโฮ เอาพี่ดงโฮกลับมา!!" ผมตะคอกเสียงดังใส่เขา ตอนนี้น้ำตาของผมไหลออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ผมใช้มือทุบเข้าที่อกเขา ผมโกรธ ผมโกรธเขามาก แต่มากกว่าโกรธคือเสียใจ  

  




"พี่อยากได้อะไร พี่อยากได้อะไร !!"  






"อืม ก็นะ ฉันอยากเห็นนายเป็นแบบนี้แหละ" เขามองผมนิ่ง ผมก็จ้องไปที่ดวงตาของเขาเช่นกันแต่ไม่นานเขาก็หลบตา ก่อนที่จะพูดตอกย้ำความเสียใจของผมเข้าไปอีก  






"นี่ อย่าร้องไห้เลยเด็กดี" อยู่ๆ อีกฝ่ายก็เอามือประคองใบหน้าเปื้อนน้ำตาของผมเอาไว้แน่น พร้อมพููดด้วยน้ำเสียงที่มันอบอุ่นมากสำหรับผม เมื่อก่อนเขามักจะพูดแบบนี้บ่อยๆ  








"พี่รักเรานะ"







ผู้ชายที่คอยดูแลผมตลอดมา ผมชายที่ร้องเพลงให้ผมฟัง ผู้ชายที่เคยพูดคำว่าเรา ผู้ชายที่เคยพูดคำว่าตลอดไป ผมอยากให้ผู้ชายที่ยืนตรงหน้าผมตอนนี้เป็นคนๆนั้น ผมคิดถึงเขาเหลือเกิน  







"ฮึก พี่ดงโฮ"

  





"เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมนะ" จะบอกว่าผมโง่ก็ได้แต่ประโยคที่เขาพูดทำให้ผมอยากกลับไปเป็นเหมือนเดิมจริงๆ ผมเอามือสวมกอดเขาก่อนที่จะร้องไห้ แต่อยู่ๆเขาก็หัวเราะออกมา เขาหัวเราะไม่หยุดจนผมเริ่มกลัวเขาขึ้นมาจริงๆ เขาแกะมือของผมออกก่อนที่จะพูดประโยคที่ทำให้ผมรู้สึกชาไปทั้งตัว 







". . . พี่่ดงโฮ"  







"ฮ่าๆ นี่่เชื่อหรอ อย่า เชื่อคนง่ายสิเด็กน้อย"








"ได้เห็นนายทำหน้าแบบนี้แล้ว พี่รู้สึกสนุกจังเลยครับ"







 ผมรู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุน ทุกอย่างมันเคว้งไปหมด น้ำฝนที่ตกลงมาตอนนี้เหมือนตอกย้ำว่าผมมันก็แค่คนโง่คนนึงเท่านั้น   






"จะบอกอะไรให้ ถ้าคนมันจะเกลียด มันก็ไม่มีเหตุผลหรอก"






TBC 
ถ้าเข้ามาอ่านก็เมนชั่นมาได้เน้อ อยากให้แก้ไขอะไรก็บอกได้ อยากให้วิจารณ์กันหน่อย ฮือ

อยากให้แต่งต่อ เมนชั่นมาเน้อ วิจารณ์ทางไหนก็ได้ หรือไปทวีตในแท็ก #โฮลินCHPRINCE 

ความคิดเห็น

  1. เห็นเรื่องนี้นานละตั้งแต่เริ่มชิป บอกเลยว่าเจ็บแทนน้องเศร้าอีกค่ะ!! ใส่ไฟความดราม่า! อ่านในทรศแล้วสีะมันแยกกันย้างนิดนึง แต่พออ่านได้นะคะ อยากให้ต่อน้าาา

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น